“โมนา”ฆ่าฝังสาวใช้ สารภาพ อ้างพลั้งมือทำร้ายทารุณขาดใจตาย จับเพิ่มทีมขนศพ แม่ทำใจไม่ได้ เผยลูกสาวนายจ้างเอง ให้เบาะแสคลายปมคดี

จับแล้วฆ่าฝัง”น้องน้ำ”วัย16 ล่ามโซ่ทุบตีจนตาย นายจ้างโหด”โมนา” โดนกองปราบฯบุกรวบคาโรงแรมที่ฉะเชิงเทรา รับสิ้นขนศพไปฝังที่เพชรบุรีจริง แต่ปัดไม่ได้เป็นคนฆ่า ขณะที่แม่เหยื่อเผยได้เบาะแสลูกจากลูกสาวของโมนาเอง เนื่องจากถูกกักขังทำร้ายเช่นกัน ชี้ลูกสาวถูกทำร้ายทรมานทุกวันจนตาย ที่หมู่บ้านกลางกรุง ย่านประชาชื่น ขณะที่ชุดสืบสวนพบข้อมูลหลังน้องน้ำเสียชีวิต นายจ้างโหดพยายามนำศพไปเผาที่วัดหลายแห่ง แต่วัดไม่เผาให้เพราะไม่มีใบมรณบัตร จึงโทรศัพท์เรียกญาติมาช่วยซ่อนเร้นอำพราง ศพ

จากกรณีพบศพ น.ส.จริยา ศรีศักดิ์ หรือน้องน้ำ อายุ 16 ปี ถูกฝังดินอำพรางไว้ใต้ต้นตาลในไร่ ซอยศาลาลอย 4 บ้านนามอญ หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ในสภาพเหลือแต่โครงกระดูก เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนางจันทิรา ศรีศักดิ์ มารดา เข้าร้องทุกข์กับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าน้องน้ำหายสาบสูญไปนานกว่า 5 ปี

ต่อมา พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. นำกำลังตำรวจกองปราบปรามเข้าจับกุม น.ส.กฤษณา สุวรรณพิทักษ์ หรือ “โมนา” อายุ 45 ปี นายจ้างสาวของน้องน้ำ ซึ่งเป็นผู้ทุบตีจนถึงแก่ความตายได้ช่วงกลางดึกวันที่ 4 พ.ย. ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าคดีนี้เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รรท.รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.ไมตรี ฉิมเฉิด รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พร้อมนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางเข้าร่วมสอบปากคำ น.ส.กฤษณา สุวรรณพิทักษ์ หรือโมนา อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2431/2560 ลงวันที่ 4 พ.ย. 2560 ในข้อหา “ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” หลังถูกจับกุมตัวได้ที่หน้าห้องเลขที่ 107 โรงแรมลานนา ต.เมืองเก่า อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยมีนางจันทิรา ศรีศักดิ์ อายุ 48 ปี มารดา น้องน้ำ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของ คดีด้วย

โดยเบื้องต้นน.ส.กฤษณาให้การว่า เป็นผู้ทุบตีน้องน้ำจริง แต่ไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และขอปฏิเสธไม่รู้เห็นเกี่ยวกับการตายของน้องน้ำแต่ อย่างใด

ด้านพล.ต.ท.ฐิติราชเปิดเผยว่า ภายหลังผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวมาสอบสวนได้ให้การยอมรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา และมีการซัดทอดไปยังบุคคลอื่นแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่าผู้ใดมีฐานความผิดเพิ่มเติมก็จะแจ้งดำเนินคดีตลอดทุกข้อกล่าวหา อีกทั้งยังไม่อยากให้เชื่อต่อคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากในส่วนของคดีมีพยานหลักฐานที่แน่ชัดจนนำไปสู่การจับกุมตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อนำติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการต่อไป

ขณะที่นางจันทิรากล่าวว่า ตนยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อทราบจากคนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์ว่าลูกสาวตนถูกทำร้ายร่างกายทุกวันจนเสียชีวิต โดยตนได้รับข้อมูลนี้จากบุตรสาวของน.ส.กฤษณา หรือโมนา ที่ได้มีการพยายามติดต่อมาเพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากก็โดนแม่ของตัวเองทำร้ายร่างกายเช่นกัน พร้อมกับบอกลักษณะของโมนาเป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างรุนแรง เมื่อน้องน้ำทำอะไรให้ไม่พอใจจะทุบตี จนร่างกายเป็นแผล เขียวช้ำ กรามหัก ซี่โครงหัก และไม่ได้มีการพาไปหาหมอ ถูกล่ามโซ่ไว้กับระเบียง ใส่แพมเพิส ถูกขังไม่ให้ไปไหน

“น้องน้ำถูกล่ามโซ่และโดนทำร้ายร่างกายทุกวันจนเสียชีวิต ถ้าน้องทำอะไรผิดทำไมไม่ส่งตัวน้องคืนแม่ ทำไมต้องทำร้ายกันขนาดนี้ หัวอกคนเป็นแม่มันทรมาน เค้าทำลูกเจ็บขนาดนี้ ต้องตายไปตามๆ กัน ตลอดเวลา 5 ปีแม่ไม่เคยละความพยายามในการตามหาเลย ถึงวันนี้แม่เจอลูกแล้วแม่จะทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ลูกสู่สุคติ”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนของอายุความของคดีร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพนั้น ได้หมดอายุความไปแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.2560 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถแจ้งข้อหาต่อน.ส.กฤษณา หรือโมนา และพวกในคดีอื่นๆ ได้ถ้าหากในชั้นสอบสวนพิจารณาแล้วว่ามีความผิดจริง นอกจากนั้นยังมีรายงานข่าวด้วยว่า จากการสอบสวนทราบว่าหลังจากที่น.ส.กฤษณาทราบว่าน้องน้ำเสียชีวิตก็พยายามจะนำศพไปเผาที่วัดหลายแห่ง แต่วัดไม่เผาให้เพราะไม่มีใบมรณบัตร จึงได้โทรศัพท์เรียกญาติมาช่วยซ่อนเร้นอำพรางศพ

ทั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวนรวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่พบว่า น.ส.จริยาได้เดินทางไปทำงานเป็นแม่บ้านให้น.ส.กฤษณา ที่ จ.เพชรบุรี ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนก.พ.2555 จนกระทั่งวันที่ 11 เม.ย.2555 น.ส.จริยาถูกนายจ้างทำร้ายร่างกายอย่างโหดร้าย โดยพฤติการณ์คือใช้กระป๋องสเปรย์ยาวประมาณ 1 ฟุต ทุบตีที่ศีรษะหลายครั้ง อีกทั้งใช้กระบอกพลาสติกแข็งทุบตีบริเวณต้นขา และใช้ที่หนีบผมขณะที่ยังมีความร้อนจี้ตามลำตัวจนได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกส่งตัวมาอยู่ที่บ้านเลขที่ 599/10 หมู่บ้านกลางกรุงรัชวิภา แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กทม. และมาเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 เม.ย.2555

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 เม.ย. น.ส.กฤษณาได้ร่วมกับผู้ร่วมขบวนการอีก 3-4 คนนำศพใส่ท้ายรถเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนางโดโร ทิมพิทักษ์ มารดาของน.ส. กฤษณา จากนั้นนายปราโมทย์ หรือบอย สุวรรณพิทักษ์ ซึ่งเป็นพี่ชายคนละพ่อกับน.ส.กฤษณา เป็นผู้ว่าจ้างหาคนขุดหลุมและช่วยยกศพออกจากท้ายรถก่อนนำไปวางให้น.ส.ปรารถนา หรือเมาท์ ท้วมทรัพย์ และน.ส.ปนัดดา หรือฟาร์ สุวรรณพิทักษ์ ที่เป็นลูกจ้างทำงานในบ้าน เป็นผู้ห่อศพและนำไปขุดดินฝังศพเพื่ออำพรางซ่อนเร้นที่ใต้ต้นตาลบริเวณนอกรั้วบ้าน โดยมีบุตรสาวของน.ส.กฤษณาเป็นผู้เห็นเหตุการณ์

นอกจากนั้นยังทราบว่า น.ส.กฤษณาไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่ก็ชอบคบหากับผู้ชายที่มีฐานะดี อาศัยรูปร่างหน้าตาและชื่อเสียงการประกวดนางงามในอดีต และยังมีพฤติกรรมติดการพนันถึงกับไปเช่าบ้านพักแถวบ่อนปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อสะดวกต่อการเข้าไปเล่นการพนันอีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังสงสัยด้วยว่าน.ส.กฤษณาอาจจะติดยาเสพติดด้วย เนื่องจากขณะเข้าจับกุมพบว่าน.ส.กฤษณาพูดจาวกวนจับต้นชนปลายไม่ถูกเหมือนคนมีอาการประสาท หลอนเพราะฤทธิ์ยาเสพติด และภายหลังจับกุมน.ส. กฤษณายังสารภาพว่าไม่ได้ลงมือฆ่าน้องน้ำเพียงลำพัง แต่มีเพื่อนที่ชื่อ “ทอม” ร่วม ก่อเหตุด้วย ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ขายบ้านพักในหมู่บ้านกลางกรุงไปแล้ว โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูลจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป

ขอขอบคุณแหล่งข่างจาก – ข่าวสด  https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_618172

 

 

Loading

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *