ตำรวจกองปราบฯ รวบกำนันแม่สาย ครั้งที่สอง หลังหนีประกันคดีฆ่าแรงงานไทยในญี่ปุ่น
พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2539 นายบุญทา ผู้ต้องหารายนี้ พร้อมด้วย นายศักดิ์สมุทร ยังมั่ง , นายมังกร สุทธดุก และนายชาตรี เครื่องสนุก ได้ร่วมกันก่อเหตุฆ่า นายประยุทธ งานดี และนางราตรี ด้วนเครือ สองแรงงานชาวไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยการจับศีรษะกระแทกกับขอบท่อระบายน้ำ และใช้เชือกผูกรองเท้ามัดคอจนเสียชีวิต เหตุเกิดใน จ.อิบารากิ ประเทศญี่ปุ่น
ต่อมาภายหลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นสามารถติดตามจับกุมตัว นายศักดิ์สมุทร , นายมังกร และนายชาตรี เอาไว้ได้ พร้อมทั้งให้การยอมรับสารภาพว่าได้จ้างวานให้นายบุญทา ผู้ต้องหารายนี้ เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ เนื่องจากไม่พอใจ และเชื่อว่าผู้ตายทั้งสองคนขโมยเงินจำนวน 1.5 ล้านเยนจากตู้เซฟ ซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการลักทรัพย์ตู้ยอดเหรียญสาธารณะ ในขณะที่ทำงานอยู่ในประเทศญี่ปุ่นไป ส่วนนายบุญทา ผู้ต้องหารายนี้ภายหลังจากก่อเหตุได้หลบหนีออกนอกประเทศ กลับเข้ามากบดานซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย
อย่างไรก็ตาม ตามกระบวนการกฎหมายอาญา มาตรา 8 ว่าด้วยการทำผิดนอกราชอาณาจักร และคนไทยเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งสามารถดำเนินคดีภายในราชอาณาจักรไทยได้ เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ป. จึงได้ติดตามไปทำการจับกุมตัวนายบุญทา เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทั้งถูกส่งตัวให้ศาลอาญาดำเนินการตามกฎหมาย จากนั้นนายบุญทาได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดประกันตัวจำนวน 7 แสนบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่ระหว่างที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว นายบุญทากลับไม่ยอมมารายงานตัวต่อศาลตามกำหนด ซึ่งมีพฤติการณ์เข้าข่ายการหลบหนีคดี ทางศาลฯ รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย จึงได้แจ้งและประสานมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้อีกครั้ง
ซึ่งทางกองปราบฯ เองก็ได้ให้ความสำคัญกับคดีดังกล่าว จึงได้นำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส กระทั่งทราบว่า นายบุญทาได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่กับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่ จ.เชียงราย และเป็นพื้นที่เดิม ซึ่งเคยถูกจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากย่ามใจไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จะย้อนรอยกลับมาที่เดิมอีกครั้ง กระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน นายบุญทาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาลเพียงเท่านั้น ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าหลบหนีคดีหลังจากได้รับการประกันตัวนั้น นายบุญทายืนยันว่าไม่ได้หลบหนีไปไหน และยังคงพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังเดิม ประกอบอาชีพทำนา ขายน้ำพริก และเป็นกำนันอยู่ใน ต.บ้านด้าย อ.แม่สาย ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตามหาตัวไม่พบนั้น เพราะคงไม่คิดว่าตนจะกลับมาพักอาศัยอยู่ที่เดิม เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนส่งตัวให้ศาลอาญารับตัวไปดำเนินการตามกฎหมาย
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – คมชัดลึก http://www.komchadluek.net/news/crime/295339
ซึ่งทางกองปราบฯ เองก็ได้ให้ความสำคัญกับคดีดังกล่าว จึงได้นำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส กระทั่งทราบว่า นายบุญทาได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่กับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่ จ.เชียงราย และเป็นพื้นที่เดิม ซึ่งเคยถูกจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากย่ามใจไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จะย้อนรอยกลับมาที่เดิมอีกครั้ง กระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน นายบุญทาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาลเพียงเท่านั้น ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าหลบหนีคดีหลังจากได้รับการประกันตัวนั้น นายบุญทายืนยันว่าไม่ได้หลบหนีไปไหน และยังคงพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังเดิม ประกอบอาชีพทำนา ขายน้ำพริก และเป็นกำนันอยู่ใน ต.บ้านด้าย อ.แม่สาย ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตามหาตัวไม่พบนั้น เพราะคงไม่คิดว่าตนจะกลับมาพักอาศัยอยู่ที่เดิม เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนส่งตัวให้ศาลอาญารับตัวไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป