วันที่ 13 กันยายน 2560
เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 13 ก.ย. ร.ต.ท.กิติพงศ์ สุนทรวิภาต รอง สว.(สอบสวน) สน.ประเวศ รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิดตู้เงินสดอัตโนมัติ หรือเอทีเอ็ม บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขา กรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตประเวศ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ กำลังสายตรวจ 191 กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดบก.สปพ.บช.น.
ที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ซ.กรุงเทพกรีฑา 35 บริเวณลานจอดรถใกล้กับประตูทางเข้าพบตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ สภาพพังเสียหายแตกกระจัดกระจาย กว่า 30 เมตร จากนั้นเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด และพฐ. จึงเข้าตรวจสอบเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน
จากการสอบสวนนายทองทิว ชื่นขำ อายุ 58 ปี อาชีพ พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัท สยามวารินทร์ ชิปปิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้การว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส เวลาประมาณ 03.30 น. ได้ยินเสียงดังระเบิดขึ้น จึงรีบมาดู ก็พบว่ามีเพลิงไหม้อยู่บริเวณตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ หน้าห้างฯ จากนั้นเห็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ ไม่ทราบทะเบียน ผู้ขับขี่เป็นชาย รูปร่างสูง สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ กางเกงสีดำ ใส่หมวกกันน็อคสีขาว และมีกล่องเหล็ก 1 กล่อง ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะรีบขับรถจักรยานยนต์ออกมาจากห้างมุ่งหน้าถ.ศรีนครินทร์
ด้าน นายพลวัตร์ ใยบัว อายุ 23 ปี ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนนอนอยู่บนหอพักติดกับห้างเทสโก้โลตัส ได้ยินเสียงระเบิดดังขี้น 1 ครั้ง จึงออกมาดูที่หน้าต่าง ก็พบไฟกำลังลุกไหม้ตู้เอทีเอ็ม มีชายลักษณะผอม กำลังลากกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมคาดว่าจะเป็นกล่องบรรจุธนบัตรออกมาจากกองไฟ ก่อนจะนำขึ้นรถจักรยานยนต์ไม่มีป้ายทะเบียนออกไป โดยคาดว่าเป็นคนร้ายจึงรีบวิ่งลงมาเพื่อไปที่เกิดเหตุแต่ก็ไม่ทัน คนร้ายหลบหนีไปก่อน
ขณะที่ พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ กล่าวว่า สำหรับระเบิดดังกล่าวคาดว่ามีแรงดันสูง อานุภาพทำลายล้างวงกว้าง คนร้ายน่าจะวางระเบิดอยู่บริเวณด้านหลังฝั่งขวาของตู้เอทีเอ็ม เนื่องจากพบร่องรอยการแตกจนทะลุของกำแพงทางด้านขวา เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ ต้องรอเจ้าหน้าที่ พฐ. และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดสรุปผล ส่วนการติดตามคนร้ายนั้นต้องตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานแวดล้อม เพื่อมาดำเนินการต่อไป
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_507065