สื่อพม่าได้รายงานเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในรัฐอาระกัน ทางตะวันตกของประเทศพม่า ล่าสุด ตั้งแต่เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (24 สิงหาคม) ต่อเนื่องมาจนถึงเช้ามืดวันศุกร์ (25 สิงหาคม) ได้มีกลุ่มติดอาวุธใช้ชื่อว่า (Arakan Rohingya Salvation Army – ARSA) กองทัพปลดปล่อยอาระกันโรฮิงญา ได้โจมตีค่ายทหารและด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองมงดอว์ ทั้งหมด 30 จุด รวมทั้งในเมืองบูทีดองและเมืองราทีดอง ทางเหนือของรัฐอาระกัน โดยทางรัฐบาลพม่าได้ออกมาเปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 1 นาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นาย และกลุ่มติดอาวุธ 59 คน รวมผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะกันครั้งนี้กว่า 70 นาย มีรายงานว่า มีผู้เข้าร่วมก่อเหตุโจมตีและก่อความไม่สงบในครั้งนี้ถึง 150 คนและได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อโจมตีตามจุดต่าง ๆ นับเป็นการก่อเหตุที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์โจมตีด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุได้ใช้ระเบิดมือที่ทำขึ้นเองเข้าโจมตีตามจุดต่าง ๆ โดยทางการพม่าได้ออกมาเผยแพร่อาวุธที่ยึดได้จากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เช่น ระเบิดมือที่ทำขึ้นเอง มีด และหนังสติ๊ก เป็นต้น อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งสำนักข่าว Eleven Media Group รายงานว่า
เมื่อเวลา 9.45 น. มีกลุ่มชาวโรฮิงญา หรือที่ชาวเบงกาลีที่ถูกเรียกในพม่าราว 300 คน ได้ปิดล้อมสถานีตำรวจในเขตนัดชาว ทำให้ตำรวจและทหารต้องต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในรัฐอาระกันเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า อาจมีผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้มากถึง 1,500 คน ทางด้านบัญชีทวิตเตอร์ที่อ้างว่าเป็นของกลุ่ม ARSA ยอมรับเป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากทหารพม่าได้ก่อเหตุความรุนแรงต่อต้านชุมชนชาวมุสลิมทั้งในเมืองมงดอว์และเมืองราทีดองมากขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงการปิดกั้นการขนส่งอาหารเป็นเวลา 2 สัปดาห์ในเมืองราทีดอง โดยทางกลุ่มยังกล่าวว่า จะยืนหยัดต่อสู้นต่อไป นอกจากนี้ยังอ้างว่า มีคนหนุ่มชาวโรฮิงญานับร้อยเข้าร่วมมือกับทางกลุ่มในการก่อเหตุครั้งนี้ด้วยเพื่อต่อสู้กับกองทัพและเพื่อสิทธิมนุษยชน ขณะที่ระหว่างเกิดเหตุ ชาวบ้านเผยว่าได้ยินเสียงปืนตลอดเวลา โดยเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว ทางกลุ่ม ARSA ก็อ้างว่าเป็นฝีมือของตน “หากไม่มีการรักษาความปลอดภัย เราทั้งหมดคงถูกฆ่า ไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตอนกลางคืนจะเป็นอย่างไร” ชาวบ้านในพื้นที่รายหนึ่งจากหมู่บ้านเจ้าก์ปันดูกล่าว มีรายงานว่า รถประจำทางในพื้นที่ได้หยุดให้บริหารชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ด้านทางการพม่าได้ออกแถลงการณ์โจมตีครั้งนี้ โดยนางซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐได้กล่าวว่า การโจมตีในครั้งนี้เป็นการบ่อนทำลายความพยายามของผู้ที่ต้องการจะสร้างความสงบและความสามัคคีให้เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ เป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้าย โดยนางซูจีระบุว่า จะต้องไม่ให้งานหยุดชะงักโดยพวกที่หัวรุนแรงสุดโต่ง โดยนางซูจียังโจมตีการก่อเหตุครั้งนี้เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย ด้านทางการพม่าเองยังได้ออกมาประกาศในวันนี้ว่า คนที่เข้าร่วมในการก่อเหตุครั้งนี้จะถือเป็นสมาชิกขององค์กรการร้าย ขณะที่หลังเกิดเหตุการณ์ฆ่าสังหารชาวยะไข่พื้นเมืองในพื้นที่ และมีกระแสข่าวออกมาว่ามีการซ่องสุมของงชาวโรฮิงญาติดอาวุธในเขตภูเขามายู ใกล้ชายแดนบังกลาเทศ ทำให้ทางกองทัพพม่าได้เพิ่มกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา “ญาติฉันที่เพิ่งกลับจากทางเหนือของเมืองมงดอว์เล่าว่า สถานการณ์ที่นั่นตึงเครียดมาก มีทหารประจำอยู่ทุกที่ ผู้คนต่างร้องไห้ให้กับความทุกข์และความตาย” นาย Mohammed Shafi ซึ่งอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยโรฮิงญาในฝั่งบังกลาเทศกล่าว ที่มา Irrawaddy/Myanmar times/Eleven Media Group/Reuters แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – : สำนักข่าวชายขอบ : Link>>> http://transbordernews.in.th/home/?p=17472 .