พรรคปลดปล่อยอาระกัน (Arakan Liberation Party-ALP) ซึ่งเป็น 1 ใน 8 กลุ่มติดอาวุธที่ลงนามหยุดยิงแห่งชาติ (NCA) กับรัฐบาลพม่าแล้ว ได้เสนอตัวที่จะปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยให้ชาวอาระกัน หรือชาวยะไข่ หลังเมื่อเร็วๆ นี้ เกิดเหตุการณ์ชาวมโร (Mro) จำนวน 6 คน ซึ่งเป็นชาติพันธุ์ย่อยของชาติพันธุ์ยะไข่ (อาระกัน) ถูกฆ่าโหด โดยทางกลุ่มติดอาวุธ ALP อ้างว่า ทางเจ้าหน้าที่ของทางการพม่าไม่สามารถดูแลชาวบ้านได้ทั่วถึง จึงขออาสาเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนของตน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีท่าทีใดๆ จากทางการพม่าว่าจะอนุญาตหรือไม่ “เราอยากปกป้องชาวอาระกัน (ยะไข่) ของเรา เพราะพวกเขากังวลเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางการพม่ามีช่องโหว่มากมาย ดังนั้นเราจึงอยากหาทางร่วมมือกับทางรัฐบาลพม่าเพื่อความมั่นคง” นายข่ายอ่องโซตาน เลขาธิการร่วมของ ALP กล่าว ทั้งนี้ สถานการณ์ในรัฐอาระกัน ทางตะวันตกของประเทศตึงเครียดมาตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว หลังมีกลุ่มทหารติดอาวุธ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มมุสลิมโรฮิงญาได้สังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจพม่า 9 นาย
ทางการพม่าได้เร่งไล่ล่าพลเมืองที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธมุสลิม และทำให้เจ้าหน้าที่ของทางการได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวบ้านมุสลิมที่ถูกจับ ขณะที่ทาง ALP แสดงความกังวลว่า สถานการณ์ในพื้นที่จะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น มีรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ชาวมโร (Mro) ถูกฆาตรกรรมเมื่อสัปดาห์ก่อน ทางการพม่าแถลงว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย โดยหลังจากเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ของทางการยังถูกชาวบ้านในเมืองที่มีชาวมุสลิมโรฮิงญาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเข้าโจมตีอีกด้วย “ชาวยะไข่บางส่วนได้หนีไปอยู่ที่เมืองชิตต่วย (เมืองหลวงของรัฐอาระกัน) เนื่องจากที่หมู่บ้านของพวกเขาไม่มีความปลอดภัย” นายข่ายอ่องโซตาน เลขาธิการร่วมของ ALP ยังกล่าวเพิ่มแติมว่า จำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางการพม่าจำเป็นต้องเพิ่มมากขึ้น ไม่เช่นนั้นชาวบ้านที่เป็นชาวยะไข่และชาติพันธุ์อื่นๆ อาจถูกฆ่าสังหาร กลุ่มติดอาวุธ ALP เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธยะไข่กลุ่มเล็กๆ แม้ไม่มีการเปิดเผยกำลังพล แต่ทางการพม่าคาดว่า ALP นั้นมีกำลังพลราว 60 -100 นาย ด้านพรรคการเมืองสำคัญของรัฐยะไข่ (อาระกัน) อย่างพรรคสันนิบาตอาระกันเพื่อประชาธิปไตย (Arakan League for Democracy (ALD)) ได้ออกมาเรียกร้องเมื่อวันจันทร์ (7 ส.ค.)ที่ผ่านมา ให้ทางการพม่าเร่งใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในพื้นที่ เนื่องจากสถานการณ์ดูเหมือนจะเลวร้ายลงจนถึงระดับน่ากลัวแล้ว ทั้งนี้ ในเมืองที่มีชาวมุสลิมโรฮิงญาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พบว่า ชาวพุทธชาติพันธุ์อื่นๆ มักถูกลักพาตัวและถูกฆ่าเสียชีวิตจากกลุ่มคนร้ายที่ไม่ทราบฝ่าย ขณะที่อีกด้านหนึ่ง กลุ่มชาวมุสลิมโรฮิงญาเองก็มักถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจากเจ้าหน้าที่ของทางการพม่า หลายฝ่ายกำลังกังวลว่า ความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่อาจนำไปสู่การเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมโรฮิงญาเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ที่มา DVB แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก : สำนักข่าวชายขอบ : Link>>> http://transbordernews.in.th/home/?p=17310 .