หลังก่อนหน้านี้ทางกองทัพเอกราชคะฉิ่น KIA ได้ออกมาประกาศว่าจะต่อต้านกองทัพพม่าที่รุกล้ำเข้ามายังเขตพื้นที่ควบคุมของ KIA โดยจะใช้ยุทธศาสตร์รบแบบกองโจร พร้อมทั้งประกาศขีดเส้นตายให้แรงงานออกจากเขตพื้นที่เหมืองทองหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาฮูก่อง ภายในวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เมษายนมีรายงานว่า ทางกองทัพพม่าได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินต่อคะฉิ่น KIA อย่างหนัก เช่น ที่เมืองไลซา ซึ่งเป็นฐานบัญชาการใหญ่ของ KIA รวมถึงฐานที่มั่นสำคัญอื่นๆ
โดยเบื้องต้นพบว่ามีพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง ขณะที่โฆษกของ KIA เปิดเผยว่า กองทัพพม่าได้ใช้ปืนใหญ่โจมตีเมืองไลซาเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา และกองทัพพม่ายังใช้เครื่องบินรบโจมตีในเขตกองพลที่ 2 และกองพลที่ 11 ของ KIA ซึ่งทั้ง 2 กองพลตั้งอยู่ในหุบเขาฮูก่องตลอดทั้งวัน โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และเป็นที่ตั้งของเหมืองทองหลายแห่ง ที่ผ่านมา ทั้งกองทัพพม่าและคะฉิ่น KIA ต่างแย่งชิงพื้นที่นี้ ด้านแหล่งข่าวกองกำลังกลุ่มพันธมิตรทางเหนือเปิดเผยว่า การโจมตีของกองทัพพม่าเมื่อเร็วๆ นี้ มีแรงงานในสวนกล้วยถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกหลายราย ก่อนหน้านี้กองทัพพม่าได้สั่งให้ทหารคะฉิ่นออกจาก 3 พื้นที่ เช่น ให้กองพลที่ 14 ของคะฉิ่น KIA ถอนกำลังออกจากเมืองทาไน และกองพลที่ 12 และ 27 ออกจากเมืองมานซี กลายเป็นชนวนเหตุให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันมากขึ้น ทั้งนี้ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้พยายามเจรจาหยุดรบกันอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งคะฉิ่น KIA เป็นอีกกลุ่มที่ยังไม่ลงนามหยุดยิงกับกองทัพพม่าและรัฐบาลพม่า และเป็นพันธมิตรอันดีกับว้า กองกำลังโกก้าง กองกำลังปะหล่อง TNLA เป็นต้น ความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นลงระหว่างกองทัพพม่าและคะฉิ่น KIA เกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเคยทำสัญญาหยุดยิงร่วมกันเป็นเวลา 17 ปี ส่งผลต่อผู้ลี้ภัยชาวคะฉิ่นนับแสนคนที่ต้องอพยพหนีตายจากสงครามและต้องอาศัยอยู่ตามค่ายผู้ลี้ภัยต่างๆ ตามแนวชายแดนรัฐคะฉิ่น-จีน รัฐคะฉิ่นเป็นรัฐที่อยู่ทางเหนือสุดของพม่าโดยมีกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายอาศัยอยู่รวมกัน กลุ่มชาติพันธุ์หลักคือชาวคะฉิ่น แต่ในกลุ่มของคนคะฉิ่นยังมีกลุ่มชาติพันธุ์แตกย่อยไปอีก ขณะที่ทหารคะฉิ่น KIA นั้นเคลื่อนไหวอยู่ในรัฐคะฉิ่น และหลายปีที่ผ่านมา ยังเข้ามาเคลื่อนไหวในภาคเหนือของรัฐฉานอีกด้วย ที่มา Irrawaddy แปลและเรียบเรียงโดย สำนักข่าวชายขอบ
ขอขอบคุณแหล่งข่าวจาก – สำนักข่าวชายขอบ : http://transbordernews.in.th/home/?p=18774 .